เพราะการเรียนคือเครื่องยกฐานะทางสังคม จึงต้องไม่ยอมแพ้ภายใต้ข้อจำกัด

จริงๆ ผมมองว่าทุกอาชีพมีปัญหาหมดแหละครับ การเป็นคนพิการมันมีข้อจำกัด แต่ภายใต้ข้อจำกัดนั้นผมจะทำสิ่งนั้นได้อย่างไร จะยอมรับและยอมแพ้มันหรือเปล่าครับ

แนะนำตัวหน่อยค่ะ 

สวัสดีครับ ผมชื่อ ปราโมทย์ ชื่นขำ ชื่อเล่น มอส ครับ ตอนนี้เป็นนักกฏหมายนะครับ ของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เป็นทนายความ แล้วก็เป็นที่ปรึกษากฎหมายในศาลเยาวชนครับ

มอสเรียนอะไรมาคะ

ผมจบจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็ไปสอบใบอนุญาตว่าความให้เป็นทนายความ ปัจจุบันนี้ก็ยังเรียนเนติบัณฑิตอยู่ครับ ปีหน้าก็มีแผนที่จะเรียนปริญญาโทต่อด้วยครับ

มอสมีการเตรียมตัวสอบเข้าคณะนิติศาสตร์อย่างไรบ้างคะ

ผมมีการฝึกทำข้อสอบมาตั้งแต่ ม.4 แล้วครับ เพราะตอนนั้นก็คิดว่าตัวเอง จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหนสักที่ครับ แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าตัวเองต้องเลือกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นะครับ

แค่คิดว่าตัวเองต้องอ่านหนังสืออยู่ตลอด เหตุผลที่เลือกนิติศาสตร์ ผมมองว่านิติศาสตร์เป็นวิชาชีพ แล้วก็พูดง่าย ๆ คือ มันน่าจะเป็นวิชาชีพที่สามารถทำให้เรามีอาชีพได้เลยเมื่อเรียนจบครับ

เป็นวิชาชีพเฉพาะครับ

ชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้างคะ

ผมเคยนิยามกับเพื่อนเล่นๆ นะครับ แล้วเพื่อนก็เห็นชอบกับคำนี้ว่า ผมเป็นเด็กกิจกรรมที่เรียนดี

ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ค่อนข้างมี facility (สิ่งอำนวยความสะดวก) ที่ค่อนข้างสูงครับ

เราก็ใช้ชีวิตได้อย่างค่อนข้างอิสระ เราก็มีเพื่อน เพื่อนที่เป็นเพื่อนไม่พิการก็ร่วมกันแชร์ ทั้งเรื่องทางวิชาการ การเรียนในห้อง รวมถึงการทำกิจกรรมการทำค่าย ผมได้ไปทำบำเพ็ญประโยชน์ในดอยในป่า ตอนหลังก็มาทำเพจท่องเที่ยวของตัวเองด้วยครับ

มอสวางแผนอะไรไว้หลังเรียนจบ

พอเรียนจบก็มีนะครับ ถามว่าผมทำเลยมั้ย ผมก็ยังครับ กว่าผมจะทำงานได้ผมก็หยุดไปปีนึง เหตุผลที่ผมหยุดไปในตอนนั้น ก็คือหนึ่งในนั้นมันก็เป็นสถานการณ์โควิด สองก็คืออยากคุยกับตัวเองสักพักด้วยครับว่าสรุปแล้วตัวเองอยากทำอะไร ก็คุยกับตัวเอง คิดว่าตัวเองน่าจะเหมาะกับการเป็นทนายความ อีกอย่างผมค่อนข้างมีความฝันว่าอยากจะเป็นอัยการครับ ในอนาคตส่วนตัวผม ผมมองว่าผมคงเป็นนักกฎหมาย แล้วก็จริงๆ ผมชอบทางด้านภาษีธุรกิจ ผมคงจะย้ายไปทำงานด้านนั้นเต็มตัวครับ

ในส่วนของหน้าที่นักกฎหมายมีอะไรบ้าง

ถ้าเป็นงานในเรื่องของ Legal Officer (นิติกร) งานส่วนใหญ่งานของเราก็จะเป็นการตรวจเอกสาร

ว่ามันขัด หรือมันแย้ง หรือมันฝ่าฝืน หรือมันทำได้หรือเปล่า ต้องไปดูกฎหมายที่รัฐออกมาครับ

ให้ได้รับรองตามมาตรฐานของกฎหมาย ถ้าเราไม่ทำความเสี่ยงของเราก็อาจจะถูกฟ้อง

หรือถูกบังคับลงโทษได้ อันนี้คืออาชีพนักกฎหมาย ต้องละเอียดรอบคอบครับ อีกอันนึง ถ้าเป็นงานในลักษณะของทนายความ ส่วนใหญ่ทนายความก็จะมีการว่าความและการแก้ต่าง รวมถึงการไกล่เกลี่ย

เรื่องท้าทายในอาชีพคืออะไร

งานของเราคือการแก้ปัญหาให้คนอื่น แต่ละงานทางด้านกฎหมายมันมีหลายงานเหลือเกินครับ

งานอาจารย์ก็สอน หรืองานทางด้านกฎหมายที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องสิทธิเลย ก็ไปทำงานอย่าง Law Firm (บริษัทกฎหมาย) ทำร่างสัญญากัน ดูแลเรื่องสัญญาไปนะครับ เขาเรียกว่า Government Regulatory (ตรวจสอบระเบียบของรัฐ) การกำกับของภาครัฐให้สอดคล้อง

การจะเป็นนักกฎหมายที่ดีต้องมีทักษะอะไรบ้าง

ให้มองทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลครับ ฝึกทักษะในการคิดให้เป็นเหตุเป็นผล ต้องอ่านเยอะๆ ครับ

อ่านเยอะมากๆ แล้วก็ต้องเป็นคนที่ช่างสังเกต อย่าไปเชื่ออะไรที่เรายังไม่ได้พิสูจน์นะครับ

ข้อจำกัดของการประกอบอาชีพ

จริงๆ ผมมองว่า ทุกอาชีพมีปัญหาหมดแหละครับ การเป็นคนพิการมันมีข้อจำกัด แต่ภายใต้ข้อจำกัดนั้น ผมจะทำสิ่งนั้นได้อย่างไร จะยอมรับและยอมแพ้มันหรือเปล่า ผมอาจจะใช้เทคโนโลยี ใช้ผู้คน หรือใช้อุปกรณ์อย่างอื่น เข้ามาช่วยให้ผมทำสิ่งนั้นได้ จุดมุ่งหมายคือการรับรู้สารที่อยู่ในหนังสือครับ อันนี้คือหัวใจ

ให้มอสฝากถึงน้องๆ ที่อยากเป็นนักกฎหมายหน่อยค่ะ

การเรียน ไม่ว่าจะคนพิการหรือคนไม่พิการ การเรียนคือเครื่องยกฐานะทางสังคมด้วย เป็นเครื่องยกฐานะทางอาชีพ อยากให้น้องๆ เป็นคนที่สนใจข่าวสารบ้านเมืองนะครับ อ่านหนังสือเกี่ยวกับสังคมเยอะๆ แล้วก็เกี่ยวกับกฎหมายเยอะๆ พยายามทำความเข้าใจ แล้วเรื่องสำคัญก็คือต้องสอบเข้าให้ได้ก่อน อยากให้น้องทุกคน ทุกคนเลยนะครับ ต้องมี Passion (ความชอบ) กับการเรียนให้เรามองไปถึงอนาคตเยอะๆ ว่าเราอยากเป็นอะไร แล้วเราก็เรียน เพื่อตอบสนองต่อสิ่งนั้น

credit-2-2

เรื่อง :

ปริญญาพร สุทานนท์

credit-2

ภาพ :

จรรสมณท์ ทองระอา

อ่านพี่ขอเล่าเรื่องอื่น ๆ

Scroll to Top