เปิดกว้าง ไม่ปิดกั้น เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่

แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ

ชื่อ ตูน ค่ะ  ชื่อจริงนามสกุลจริง โชติกา คำวงศ์ปิน แต่ว่าคนน่าจะรู้จักในนาม Stoondio (สตูนดิโอ) เราทำบทบาทสองอย่างขนานกัน เราทำเพลงในฐานะวง Stoondio ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ใช่วงหรอกมันคือเราคนเดียว อีกอาชีพก็คือเป็น กราฟิกครีเอทีฟ เราทำสองอาชีพประกอบกัน

เรียนอะไรมาคะ 

เราเรียนจบจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชานฤมิตศิลป์ เป็นเอกออกแบบกราฟิกเลย เราได้ทำงานตรงกับตามที่เรียนมาเป๊ะๆ เลย เราเป็นคนที่ชัดเจนเรื่องความชอบมาตั้งแต่เด็กเลย ตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วด้วยนะ เราชอบวาดรูป ชอบฟังเพลง ชอบดู Packaging หรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ สังเกตดูปกซีดีบ้าง

ตอนเด็กๆ เราก็ไม่เคยรู้หรอกว่าตรงนี้มันถูกเรียกว่าอะไร เรารู้แค่ว่ามันสวยดี ช่วงเรียนมัธยมมีแค่ความรู้สึกว่าฉันอยากจะออกแบบอะไรอย่างนี้ได้บ้าง ตอนนั้นยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ออกแบบ เลยนะ พอเราเริ่มโตขึ้นสักหน่อย น่าจะประมาณ ม.ปลาย ก็จะมีวิชาแนะแนว พอลองเข้าไปค้นดูว่าสิ่งที่เราสนใจควรจะไปเรียนคณะอะไร เราไปเจอคณะศิลปกรรม ที่จุฬาฯ และเราเองก็สอบเอนทรานซ์ติด จนได้เข้ามาเรียน ทุกอย่างมันก็เลยตรงเป๊ะกับสิ่งที่เราชอบตั้งแต่เด็กๆ เลย เพราะตั้งแต่ที่เราจับใจความได้ว่า ฉันอยากออกแบบอะไรแบบนี้ ทำอะไรแบบนี้ มันก็เลยตรงกับสิ่งที่เราชอบทุกอย่าง 

เตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย 

เราก็มีไปเรียนพิเศษ เป็นการเรียนพิเศษทางศิลปะเลย  เราไม่สนใจเรียนพิเศษอย่างอื่นเลยนะ เพราะเรารู้ว่าเราอยากเรียนศิลปะมาก เราก็เลยหาวิธีที่จะทำยังไงให้ได้คะแนนทางศิลปะเยอะๆ เราเตรียมความพร้อมอย่างหนักในตอนนั้น เพื่อให้เรามีสิทธิที่จะได้เข้าไปเรียนในคณะดังกล่าว เพราะการวาดรูปมันไม่ใช่ของที่เราฝึกวันนี้พรุ่งนี้ได้ ตอนนั้นเราก็เอาข้อสอบเก่าที่เขาแนะแนวมาทำบ้าง แล้วก็วาดตามทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนทำให้มันเหมือนกับว่ามันจดจำไปเรื่อยๆ ในช่วงนั้นก็ไม่มีใครมาบอกเรานะ แต่เรารู้ตัวเองว่ามันไม่มีทางลัดทางอื่น เราต้องขยันวาดของเราไปอย่างงั้นให้ชำนาญ ทำอย่างนั้นอยู่สามสี่ปี ตั้งแต่ ม.3 ม.4 ก็คือวาด วาดไปเรื่อยๆ เพราะตัวตัดสินเราคือวันเดียว เรามีโอกาสครั้งเดียว เราก็เลยต้องทำการบ้านหนักมากที่สุด แต่เราเองก็โชคดีที่โรงเรียนซัปพอร์ตด้วย เขาไม่พยายามจะยัดเยียดให้เด็กชอบศิลปะไปชอบเลข ไม่พยายามจะยัดเยียดให้คนที่ชอบพละไปชอบวิทยาศาสตร์ซึ่งมันไม่ใช่ เราก็เลยรู้สึกว่าโชคดีที่เราไม่ได้อยู่ในคนที่พยายามจะแปรรูปเรา

เรียนจบแล้ววางแผนทำงานอย่างไรบ้าง

เป็นช่วงคาบเกี่ยวกันในช่วงปี 3 – 4 จนถึงช่วงทำงานจะมีโครงการหนึ่งที่เด็กๆ ที่มาสายนี้ส่วนมากจะรู้จัก โครงการนั้นคือ B.A.D Student Bangkok Art Directors’ Association เรียกสั้นๆ ว่า เด็ก B.A.D ตอนนั้นเราเรียนปี 4 เราก็ไปสมัครและได้เข้ารอบพอดี ทำให้มีโอกาสเข้าไปร่วมโครงการ หลังจากนั้นทำให้เราตัดสินใจได้ เพราะในการเรียนออกแบบมันมีก็มีแขนงของมัน มีทั้งนักออกแบบ มีทั้งสายครีเอทีฟ เราก็คิดว่าเราน่าจะชอบทางครีเอทีฟมากกว่า พอเรียนจบทำให้ตัดสินใจสมัครงานกับเอเจนซี่

ครีเอทีฟคืออะไรคะ

จริงๆ ครีเอทีฟ มันมี Description (คำอธิบาย) ที่พิเศษมากนะ สำหรับเราตรงนี้มันคือ Life Style มันคือ Attitude (ทัศนคติ) มันคือนิสัยของคนๆ นั้นเลยด้วยซ้ำ เราคิดว่าไม่ว่าใครก็เป็นครีเอทีฟได้นะ ทำอะไรก็ใส่ความครีเอทีฟลงไปได้ ถ้าเราขายลูกชิ้นเราก็ใส่วิธีคิดที่สร้างสรรค์ลงไป เพื่อทำให้คนหันมามอง นี่ก็คือพลังของครีเอทีฟนะ เรารู้สึกว่านี่น่าจะเป็น Description ของครีเอทีฟ รวมถึง Life Style ของเรา วิธีคิดของเรา แนวความคิดที่ทำให้เราไม่ได้อยู่กับรูปแบบเดิมๆ ฟอร์มเดิมๆ ของเรา จริงๆ แล้วมันคือการปรับ Mindset (วิธีคิด) ของสิ่งต่างๆ 

ครีเอทีฟมีหน้าที่อะไรบ้างคะ

ถ้าเป็นในรูปแบบองค์กร สำหรับเอเจนซี่โฆษณาที่เคยทำมานะคะ บทบาทหน้าที่ของครีเอทีฟโฆษณาจริงๆ ก็คือ นักแก้ปัญหาทางธุรกิจดีๆ นี่เอง ครีเอทีฟนั้นจะมีหน้าที่ในการที่จะรับเอาปัญหาตรงนั้น แล้วนำมาแก้โจทย์ คำว่า ครีเอทีฟ ในสายงานนี้ เราเป็นส่วนประกอบเล็กๆ หน่วยหนึ่ง เพราะในองค์กรหรือในบริษัทโฆษณามันเต็มไปด้วยบทบาทหลากหลายมากที่จะทำให้เกิดกระบวนการนี้ ในหนึ่งโปรเจ็คของสินค้าบางโปรเจ็คที่ตูนทำ ถ้าให้เห็นภาพนะงานที่ใหญ่ที่สุดที่เคยทำ จะต้องใช้คนประมาณ 10 – 30 ตำแหน่งในหนึ่งงานเลยด้วยซ้ำ

ทักษะที่ครีเอทีฟควรมีคืออะไรบ้างคะ

หนึ่งเลยก็คือ Mindset (วิธีคิด)  คือเราต้องมีความคิดที่เปิดกว้าง ไม่ปิดกั้นตัวเอง และพยายามมองหาความเป็นไปได้ในสิ่งที่คนอื่นคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ต้องตั้งคำถามฉงนสงสัยก่อน เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพราะครีเอทีฟมันคือการสร้างสรรค์ค่ะ มันจะช่วยให้เราสามารถที่จะพัฒนาต่อไปได้ ถ้ามันได้พัฒนาแล้ว ต้องให้เวลาตัวเองนิดนึง ถ้าเราไม่สามารถพัฒนาไปในทิศทางที่เราต้องการได้ เราสามารถใช้คนที่มีความสามารถในทักษะนั้นๆ มาเสริมทีมได้ แต่เราต้องเจอก่อนว่า จุดแข็ง สิ่งที่เราทำได้ ต้นทุนที่ดีของเรามีอะไรก่อน เพราะครีเอทีฟต้องใช้ความเป็นทีมเวิร์คสูงมากๆ 

ถ้าอยากจะเป็นครีเอทีฟต้องเริ่มต้นอย่างไร

อย่างแรกเลย มีความสุขกับการหาความเป็นไปได้ในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ในยุคปัจจุบันตูนว่ามันมีข้อดีอยู่สูงมากเลยนะคะ ทุกคนมีอุปกรณ์ มี Device อะไรบางอย่าง ที่สามารถที่จะนำเสนอตัวเองผ่านโลกออนไลน์ เราต้องพยายามผลักตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่คนเห็นเรา แต่ก็ไม่ต้องถึงกับไปคาดหวังกับมันมากไปนะว่าทุกครั้งที่เราจะทำลงไปมันจะมีคนหันมามอง เพราะบางอย่างมันต้องใช้เวลา มันไม่ใช่แค่ครั้งหรือสองครั้ง เพราะมันต้องทำเรื่อยๆ ต้องมั่นใจในตัวเองในสิ่งที่ตัวเองทำ ต้องกล้าที่จะบอกตัวเองว่าเรามีความสามารถอะไร ไม่อย่างนั้นถ้าเราจะไปทำงาน แล้วเราบอกว่าทำนู่นนี่นั่นไม่ได้ มันก็คงดูขาดความมั่นใจเขาก็คง เอ๊ะ? จะดีไหม แต่ถ้าเกิดฉันทำนี่ได้นะทำนั่นได้นะ แต่ฉันจะทำได้ดีกว่านี้นะถ้าได้ทำงานกับคุณ

คณะที่เกี่ยวข้อง

คณะนิเทศศาสตร์ 

คณะวารสารศาสตร์

คณะศิลปกรรมศาสตร์ 

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร

คณะบริหาร เน้นสาขาการตลาดเป็นหลัก (จะเกี่ยวเนื่องกับงานด้านโฆษณาและสื่อสาร)

คณะสถาปัตยกรรม หรือคณะศิลปกรรมศาสตร์ 

ขอขอบคุณ : โชติกา คำวงศ์ปิน

credit-2-2

เรื่อง :

ปริญญาพร สุทานนท์

credit-2

ภาพ :

จรรสมณท์ ทองระอา

อ่านพี่ขอเล่าเรื่องอื่น ๆ

Scroll to Top